เทศกาลคริสต์มาส ใกล้จะมาถึงแล้ว ถึงแม้เทศกาลวันคริสต์มาสจะไม่ได้เป็นเทศกาลของคนไทย และไม่ได้มี “ธรรมเนียมวันคริสต์มาส” การฉลองกันอย่างจริงจังเหมือนกับประเทศในฝั่งตะวันตก แต่ไทยเราก็ยังมีการตกแต่ง สร้างบรรยากาศคริสต์มาสเอาไว้ตามสถานที่ต่าง ๆ ด้วยแสงไฟระยิบระยับ ภายใต้บรรยากาศการเฉลิมฉลองอย่างสนุกสนาน และเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข
ธรรมเนียมวันคริสต์มาส ทั่วโลกเขาทำอะไรกันบ้าง
ในต่างประเทศที่มีผู้คนนับถือศาสนาคริสต์ จะถือว่าเอาช่วงเวลานี้เป็นวันหยุดยาว เพื่อให้ชาวคริสต์ได้กลับไปใช้ชีวิต พบปะ สังสรรค์และได้ใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวของพวกเขาในช่วงเวลาสำคัญแห่งปีนั้นเอง
และแน่นอนวันคริสต์มาสก็ทำให้เกิดประเพณี หรือวัฒนธรรมปฏิบัติเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการรอซานตาคลอสมาให้ของขวัญ เป็นการห้อยถุงเท้า การตกแต่งต้นคริสต์มาส และอีกมากมายที่เราไม่เคนรู้จักมาก่อน ซึ่งแต่ละประเพณีมีความสำคัญอย่างไร วันนี้เว็บให้หวยออนไลน์จะพาไปรู้จักกัน
การแขวนถุงเท้า
เมื่อถึงช่วงเวลาก่อนวันคริสต์มาส หรือที่เรียกกันว่า “คริสต์มาสอีฟ” (Christmas Eve) ที่นับเป็นวันเริ่มแรกก่อนเข้าสู่เทศกาลคริสต์มาสนั้น ผู้คนจะนิยมนำถุงเท้ายาวไปห้อยไว้ที่หน้าเตาผิง หรือที่ต้นคริสต์มาส เพราะเชื่อกันว่าซานตาครอสจะนำของขวัญที่อยากได้มาใส่ไว้ในถุงเท้านั่นเอง
แต่ความเป็นจริงแล้ว ที่มาของการแขวนถุงเท้ามาจาก ความเชื่อที่ว่าการวางหญ้าแห้งไว้ในรองเท้า เมื่อนักบุญนิโคลัส (ซานต้าคลอสคนแรก) เดินทางผ่านมา จะนำหญ้าแห้งมาเป็นอาหารให้กับลาของเขา และจะทิ้งเหรียญเงินไว้ในรองเท้าเพื่อเป็นการตอบแทนนั้นเอง หรือบางความเชื่อก็ว่ามีพี่น้อง 3 คน ฐานะยากจน ไม่มีเงินกระทั่งจะต้องไปทำงานโสเภณี เรื่องรู้ถึงนักบุญนิโคลัส จึงได้นำเหรียญทองไปหยอดลงปล่องไฟ แต่เหรียญกลับตกลงไปในถุงเท้าของ 3 พี่น้องที่แขวนไว้หน้าปล่องไฟ
รุ่งเช้าเมื่อ 3 พี่น้องมาเจอเหรียญ ทำให้พวกเธอดีใจ และเลิกล้มความคิดที่จะไปเป็นโสเภณี หลังจากนั้นมาเด็ก ๆ จึงห้อยถุงเท้ายาวไว้ที่เตาผิงไฟ เพราะหวังว่าหากซานตาครอสผ่านมา อาจจะแบ่งเหรียญทองไว้ให้บ้างก็ได้
เตรียมขนมและนมให้กับซานต้า
เชื่อกันว่าซานต้าจะมาหาเด็กๆ ในคืนวันก่อนคริสต์มาส เพื่อส่งมอบของขวัญที่เด็กๆ ปรารถนา ซานต้าต้องทำงานหนักเพราะต้องรีบส่งขวัญให้เด็ก ๆ ก่อนถึงเวลารุ่งเช้า ดังนั้นเพื่อเป็นการขอบคุณซานต้าที่ จึงเกิดประเพณีการวางคุ้กกี้พร้อมนมสด ไว้ข้าง ๆ เตาผิง สำหรับให้ซานต้า ในบางครั้งอาจจะมีแครอทให้สำหรับกวางเรนเดียร์ทั้ง 9 ตัวด้วย ธรรมเนียมนี้เป็นสิ่งที่นิยมทำก่อนเข้านอนที่น่ารักและช่างอบอุ่นเหลือเกิน
เคาะประตูร้องเพลงเฉลิมฉลอง
ประเพณีอีกอย่างที่ยังปฎิบัติ คือ การไปเยี่ยมเยือนเพื่อนบ้าน คนรู้จัก หรือญาติ เพื่ออวยพร และสร้างความสุขให้กับคนที่รักในวันคริสต์มาส ด้วยการรวมกลุ่มกันและเดินไปเคาะประตูทีละบ้าน เมื่อประตูถูกเปิด พวกเขาก็จะร้องเพลงหนึ่งหรือสองเพลง เมื่อผู้ที่ได้รับการอวยพร ก็จะตอบแทนโดยให้ขนม อาหาร เครื่องดื่มแก่ผู้ที่มาร้องเป็นน้ำใจ ปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าห้างร้าน โรงแรม และสถานที่ต่าง ๆ ได้นำกิจกรรมนี้มาสร้างความสุขเพื่อเป็นการตอบแทนลูกค้าในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่อีกด้วย
ตกแต่งต้นคริสต์มาส
ต้นคริสต์มาส เปรียบเสมือน ต้นไม้ในแห่งสวรรค์ โดยตามพระคัมภีร์นั้นได้เปรียบพระเยซูเจ้าเสมือนเป็นต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งเป็นต้นไม้ที่เขียวเสมอในทุกฤดูกาล สื่อถึงนิรันดรภาพของพระเยซูเจ้า อีกทั้งความสว่างของพระองค์ยังเหมือนแสงเทียนที่ส่องสว่างในความมืด และรวมถึงความชื่นชมยินดี และความสามัคคี ที่พระเยซูประทานให้ เพราะต้นไม้นั้นเป็นจุดศูนย์รวมของครอบครัวในเทศกาลคริสต์มาส
ซึ่งจุดเริ่มต้นของธรรมเนียมนี้มาจากประเทศเยอรมันนี โดยคนที่มีชื่อว่า “Martin Luther” ในตอนที่เขาเดินกลับบ้านเขาหันไปมองเห็นความสวยงามของแสงจันทร์ที่ทะลุกิ่งไม้เข้ามา พอถึงบ้านเขาก็เลยออกไปตัดต้นไม้ต้นเล็ก ๆ เข้ามาในบ้านและนำเทียนมาประดับ และนั่นก็ทำให้ประเพณีวันคริสต์มาสนี้แพร่หลายไปจนทั่วประเทศเยอรมันนี จนกระทั่งราชวงศ์อังกฤษนำการตกแต่งต้นไม้แบบนี้เข้ามาใช้อย่างจริงจัง จึงทำให้คนทั่วโลกหันมาตกแต่งต้นคริสต์มาสกันมากขึ้น
ใบมิสเซิลโทและฮอลลี
ถ้าใครสังเกตจะเห็นว่าอีกหนึ่งของตกแต่งบ้านที่ทุกบ้านมีในช่วงวันคริสต์มาสก็คือ เจ้าพวงกลม ๆ สีเขียว ที่ประกอบไปด้วย ใบมิสเซิลโท ฮอลลี และกระดิ่ง ที่ติดไว้ตรงหน้าต่าง หรือประตูบ้าน จริง ๆ แล้วการห้อยมิสเซิลโทและฮอลลีไว้หน้าบ้าน หรือที่เราเรียกกันว่า “พวงคริสต์มาส” มีต้นกำเนิดมาจากความเชื่อของขาวเคลท (Celtic) เพราะในทุก ๆ หน้าหนาว จะมีหนึ่งคืนที่กลางคืนยาวกว่ากลางวัน หรือปรากฏการที่เรียกว่า “เหมายัน”
ทำให้ชาวเคลทนำ มิสเซิลโทที่สื่อถึงการมีชีวิต และฮอลลีที่สื่อถึงการปกป้องคุ้มครองมาห้อยไว้หน้าประตูบ้าน เพราะเชื่อว่าจะทำให้สามารถป้องกันสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ได้ จนถูกทำมาต่อ ๆ กันจนกลายเป็นอีกประเพณีวันคริสต์มาสไปแล้ว
กินพายในวันคริสต์มาส
อีกหนึ่งประเพณีวันคริสต์มาสที่ทุกบ้านต้องทำก็คือ การกินพาย เพราะพายถือว่าเป็นอาหารที่ทำแล้วกินกันได้หลายคน เหมาะกับการทำกินกันเป็นครอบครัว แถมยังใช้เวลาทำพอสมควร ถือว่าเป็นอาหารที่ทำให้คนในครอบครัวได้ช่วยกันเตรียมและช่วยกันทำจริง ๆ
แถมพายยังมีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือสี่เหลี่ยมจตุรัส ที่เชื่อกันว่าลักษณะเหมือนกับเปลของพระเยซู และอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้คนทำกันมาตั้งแต่สมัยก่อนจนปัจจุบันก็คือ เวลาที่เราไปบ้านใครในช่วงคริสต์มาส พวกเขาก็จะแบ่งพายให้กับเราเพื่อเป็นการอวยพรให้เรามีโชคที่ดีในปีต่อ ๆ ไปอีกด้วย
ดูหนังมาราธอน
ปิดท้ายช่วงเวลาแห่งความสุขกับการใช้เวลาร่วมกันของคนในครอบครัวกับการดูหนัง เพราะในทุก ๆ ช่วงวันคริสต์มาส รายการทีวีชื่อดังประเทศอเมริกัน จะเปิดภาพยนต์หรือหนังที่เกี่ยวข้องกับวันคริสต์มาสตลอดทั้งวัน หรือแบบมาราธอนนั้นเอง โดยส่วนใหญ่แล้วช่วงเวลาคริสต์มาสจะเป็นช่วงเวลาแห่งครอบครัว ผู้คนมากมายมักเดินทางกลับภูมิลำเนา ทานข้าวร่วมกัน ดังนั้นการได้ดูหนังในช่วงวันหยุดคริสต์มาสด้จึงเป็นกิจกรรมที่ช่วยเติมเต็มความสุขในกันกับครอบครัวที่ไม่ได้เจอหน้ากันนาน
สรุป
ถึงแม้วันคริสต์มาสไม่ใช่เทศกาลของคนไทย แต่ถึงอย่างไรนั้นเทศกาลคริสต์มาสก็กลายเป็นหนึ่งในเทศกาลที่มีความสำคัญในเมืองไทยไม่แพ้วันไหน ๆ คนไทยต่างร่วมเฉลิมฉลองอย่างไม่รู้สึกแปลกแยก ทั้งการให้ของขวัญ การตกแต่งประดับไฟรับลมหนาวตามสถานที่ต่าง ๆ
เอาเป็นว่าธรรมเนียมวันคริสต์มาส ที่เราได้กล่าวไป ไทยเราอาจจะไม่ได้นิยมทำกันเท่าไหร่นัก แต่ถึงอย่างไรก็ตามวันคริสต์มาสก็ยังเป็นอีกหนึ่งเทศกาลแห่งความสุขที่เปี่ยมล้มไปด้วยบรรยากาศสุดอบอุ่นส่งท้ายปีที่เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงรอคอย
สุดท้ายแล้วอย่าลืมติดตามข่าวหวยไทยรัฐ ข่าวหวยไทยรัฐทีวี ข่าวหวยแม่จําเนียร ข่าวหวย ข่าวดัง เลขเด็ด แนวทางหวยลาว หวยฮานอย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เคล็ดลับเสริมดวง ทำนายฝัน เกมทายใจ ทายนิสัย จากทางเว็บไซต์ของ Ruay ที่มีมาอัพเดทให้อยู่ทุกวัน รับประกันว่าเซียนหวยทั้งหลายห้ามพลาด
บทความแนะนำที่น่าสนใจ